วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551

walking culture

วันนี้ขอมาสร้างกระแสการเดิน เดิน เดิน :)
เดิน จากออฟฟิศไปปากซอย
เดิน จากบ้านไปรถใต้ดิน
เดิน จากสามย่านไปสยาม
เดิน จากสยามไปชิดลม
เดินจากชั้นหนึ่ง ไปชั้นสาม

เดิน แล้วได้เจออะไรตามทาง
เดิน แล้วได้ออกกำลัง
เดิน แล้วได้ช่วยบอกทางนักท่องเที่ยว
เดิน แล้วได้ใจเย็นๆ
เดิน แล้วลดโลกร้อน
เดิน ประหยัดน้ำมัน
เดิน ประหยัดกระตังค์
เดิน กันเต๊อะ

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ของเสียเหลือศูนย์

เรามีการจัดการขยะแบบง่ายๆ ที่บ้าน และสามารถช่วยลดขยะได้มากพอควร ดังนี้


๑.าหาร ขนม ที่มี ซอง กล่อง หรือบรรจุภัณฑ์พลาสติกต่างๆ เมื่อรับประทานเสร็จแล้ว เราจะนำบรรจุภัณฑ์เหล่านั้นไปล้างในครัวและใช้สกอตไบท์ขัดถูคราบให้เรียบร้อย


๒. เมื่อสะอาดแล้วเราก็หนีบด้วยไม้หนีบตามถังแยกที่เตรียมไว้ เช่น ถังสำหรับ พลาสติก วัสดุผสม กระดาษ เป็นต้น

๓.เมื่อถังเริ่มล้น ...
เราก็จัดการขนถังเหล่านั้นไปส่งที่โรงแยกขยะในโรงเรียนของเรา






๔.สำหรับเศษอาหาร หรือ วัสดุธรรมชาติ
เราก็เทลงในถังย่อยสลายง่าย ที่เตรียมไว้นอกบ้าน ...เทน้ำหมักชีวภาพเพื่อลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และกองทับด้วยใบไม้(มักมีหอยทากหรือสัตว์อื่นๆ มากินอาหารที่นี่บ่อยๆ :) )

๕. เมื่อเราซื้ออาหารมาทานในบ้าน

เราจะใช้ปิ่นโตบรรจุอาหารแทนโฟม หรือ กล่องพลาสติกเพื่อลดขยะในบ้าน
เราทำมากันมาเป็นเวลานานจนชินแล้ว
ซึ่งถ้าใครต้องการจะทำตาม
ผมคิดว่าอาจจะง่ายกว่าที่คิดอีก
ขอให้ช่วยกันลดขยะเพื่อ...
โลกที่สดใส ของเราด้วยครับ

เขียนโดย
ด.ช.ธรรมชาติ จันทพลาบูรณ์ (แจม) ป.๕/๑
ร่วมแสดงแบบ
ด.ญ.น้ำใจ จันทพลาบูรณ์ (เจลลี่) ป.๔/๒
และ คุณยายแอ้ว
ช่างภาพ
คุณแม่นันทินี จันทพลาบูรณ์ (แม่อ้อ)

เยี่ยมชม โครงการของเสียเหลือศูนย์ โรงเรียนรุ่งอรุณได้ที่นี่ค่ะ
http://ra.zerowaste.googlepages.com/milestone

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ยากิโซบะ

เมื่อเพื่อนฝากซื้อยากิโซบะ...
พอไปถึงร้าน เอ่อ... เค้าใส่กล่องโฟมง่า วงเล็บนอกจากจะผิดกฏเหล็กแล้ว กล่องโฟมเมื่อใส่อาหารร้อนๆยังทำให้เกิดสารก่อมะเร็งติดมากับอาหารอีกโด้ยเด้อ
เรา -- เอ่อ มีอย่างอื่นใส่แทนกล่องโฟมมั้นคะ
คนขาย -- ไม่มีอ่ะค่ะ
เรา -- เอ่อ เอาไงดีฟ่ะ ไม่ได้กินเองซะด้วย
คนขาย -- แต่เราห่อฟอยล์ก่อนใส่กล่องโฟมนะคะ ไม่อันตราย
เรา -- งั้นเอาสองห่อยัดในกล่องเดียวกันได้เปล่าคะ
คนขาย -- เอ่อ จะลองพยายามนะคะ มันอาจจะเละได้
...ยืนดูเค้าห่อฟอยล์ซะแน่นหนา
เรา -- โทดนะคะ ห่อแบบนี้ ไม่ต้องใส่กล่องแล้วหล่ะค่ะ
คนขาย -- ได้ค่ะได้ (คงคิดในใจว่า ยอมๆมันไปเหอะ อารายนักหนาฟ่ะ)

....ในที่สุดก็ไม่ต้องพึ่งกล่องโฟม ฟิ้ว...

วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ลองเปลี่ยนพฤติกรรมอันเคยชิน

เพื่อนๆเป็นกันบ้างมั้ยคะ
ไอ้โรคอาบน้ำอุ่นแล้วเปิดแอร์แต่นอนห่มผ้าหนาๆ
เมื่อนานมาแล้วเราก็เป็นคนหนึ่งที่นอนห้องแอร์ทุกคืน แล้วก็เคยคิดว่าคงนอนไม่หลับถ้าไม่มีแอร์ คงร้อนตายแน่

แต่รู้ไหมคะ ร่างกายคนเราแสนฉลาด มันสามารถค่อยๆปรับตัวไปตามสภาพที่มันเป็นอยู่ ยกตัวอย่างเช่น คนฟินแลนด์มาอยู่ประเทศไทยได้ซัก 3 เดือน เค้าจะชินกับอากาศแบบบ้านเราและอาจจะบ่นว่าหนาวถ้าไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยซ้ำ

ปัจจุบันนี้ เรานอนไม่เปิดแอร์ และไม่อาบน้ำอุ่นมา ประมาณสี่ ถึงห้าปีแล้วค่ะ ร่างกายเราจะค่อยๆปรับได้จริงๆนั่นแหละ
อีกอย่างทุกวันนี้คนทำงานอย่างเราๆ ก็ต้องนั่งในห้องแอร์ตอนกลางวันไม่ต่ำกว่าวันละ 6 ชั่วโมงแล้ว
หากบ้านใครอยู่ชานเมือง ลองเปิดหน้าต่างซักหน่อยแล้วเปิดพัดลมเบาๆดูซิคะ

มารักษาโรคอาบน้ำอุ่นแล้วเปิดแอร์แต่นอนห่มผ้าหนาๆ กันนะคะ