วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552
freitag compost bags
ใครที่รู้จัก Freitag คราวนี้เค้ามาอย่างเท่ จัดนิทรรศการ แจกถุง แล้วเอาขยะมารวมกัน
เพื่อรณรงค์ให้คนรู้จักการรีไซเคิล และลดขยะในโลกเรา compost หรือขยะสด เป็นจุดเริ่มต้นของนิทรรศการนี้
100 designers ออกแบบถุง 100 ใบ แล้วแจกให้แขกที่มาละเทียนรับถุงภายในงาน
โดยมีเงื่อนไขว่า จะต้องนำขยะสดของตนมา ทิ้งที่ compost bin ในแกลอรี่
แต่แอบสงสัยว่า มีขยะหมุนอยู่ตลอดสามเดือนในนั้น ไม่กล้าคิดว่ากลิ่นจะเป็นยังไงจิงๆ
เพิ่มเติมตามลิงค์เลยจ้า
http://www.designboom.com/weblog/cat/26/view/7781/freitag-compost-bags.html
วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
คนขายก็ไม่ให้ คนซื้อก็ไม่เอา
ณร้านเจ็ด สิบเอ็ด สาขา จามจุรีแสควร์
เราก็เดินเข้าไปหาของกินประทังความหิว
ระหว่างเดินเลือกของอยู่ก็จะได้ยินเสียง แจ๋วๆของ น้องสาวพนักงานคิดเงิน
พูดกับลูกค้าว่า "ใส่ถุงมั้ยคะ"
พอถึงคิวเราจ่ายตังค์บ้าง น้องเค้าก็พูดอย่างนี้อีก
ในฐานะที่เป็นคนขาย กับคนซื้อ เมื่อร่วมใจกันลดการเอาถุงของร้านเจ็ด สิบเอ็ดใบเล็กมาได้ซักหนึ่งใบ หลายๆคนเข้าขยะก็คงหดไปมากโข
เดี๋ยวนี้คำว่า ไม่ต้องใส่ถุงค่ะ กลายเป็นคำพูดฮิตติดปากไปเลยนะเออ :)
วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2552
ให้ทุกวันเป็นวันของโลก
เผลอแว้บเดียว วันคุ้มครองโลก (Earth Day) เวียนมาอีกแล้ว
ก็ได้อากู๋ (เกิ้น) เนี่ยแหละ...ช่วยเตือนความจำ
โดยเฉพาะโลโก้ปีนี้ โอ้โห..สวยเขียวดูมีชีวิตชีวามากๆ
เมื่อเปรียบเทียบกับที่ออกมาอวดโฉมเมื่อปี 2550 และ 2551
เราคงไม่เขียนถึงที่มาของวันคุ้มครองโลกหรอกนะ
เพราะเคยเขียนไว้ในหน้านี้แล้ว
แค่อยากชวนคุย ชวนทำกิจกรรมหนุกๆ เท่านั้น
โดยส่วนตัว...เราคิดว่า ตอนนี้โลกป่วยหนักแล้วแหละ
จะมาคุ้มครองกันแค่ปีละวันคงไม่ไหว
อุปมาเหมือนคนไข้ขึ้นสูง
จะเช็ดตัวแค่วันละครั้งคงชักแหงกๆ ซะก่อน
ต้องเยียวยาโดยด่วน ทั้งเช็ดตัวทุกชั่วโมง ดื่มน้ำเยอะๆ
และทานยาลดไข้...ไปพร้อมๆ กัน
ก็เลยอยากชวนเพื่อนพ้องน้องพี่
มาช่วยกันทำให้ทุกๆ วันเป็นวันของโลก
ด้วยวิธีการง่ายๆ แต่ต้องมีสัญญาใจว่าจะลงมือจริง
นั่นคือ...พยายามลดรอยตีนฝากโลกอย่างน้อยวันละ 1 รายการ
เช่น
ถ้าเมื่อวาน ลงมือปลูกต้นไม้
วันนี้ ก็พกกระติกน้ำ
พรุ่งนี้ หันมาหิ้วปิ่นโต
วันถัดไป งดใช้รถยนต์ส่วนตัว
วันถัดไปอีก ก็ลองทำน้ำหมักชีวภาพ
...อะไรทำนองนี้
(แต่ถ้าเป็นพวกเขียวเข้ม ทำได้มากกว่าวันละอย่างก็ยิ่งเจ๋ง)
เพื่ออะไรหนะเหรอ...?
เพื่อให้ทุกวันเป็นวันของโลกไงเล่า
เพราะถ้าไม่มีโลก ก็คงไม่มีเราทุกๆ คน
วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2552
หมักหมมจนได้ดี
เค้าว่ากันว่า น้ำหมักชีวภาพเป็นของวิเศษ ใส่ลงในชักโครกก็ไม่ต้องเรียกรถมาดูดส้วม ล้างห้องน้ำก็สะอาดปลอดสารเคมี รดน้ำต้นไม้ก็ไม่มีแมลงกินและออกดอกผลงอกงามดี
วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2552
สร้างกระแสซื้อกาแฟไม่เอาฝา
วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2552
ภัยแล้ง
แต่พวกเราจะเข้าใจมันแค่ไหน ในเมื่อเปิดตู้เย็นก็มีน้ำเย็นเจี๊ยบ เปิดก๊อกน้ำก็ไหลไม่อั้น
ข่าวว่ากันว่าภัยแล้งปีนี้จะใหญ่หลวงนัก ชาวนาเริ่มต้องซื้อเอาน้ำประปาลงที่นา บางที่ก็บอกว่าปีนี้ไม่ต้องหวังพืชผล บางพื้นที่ไม่มีน้ำจืดอาบ ต้องอาบน้ำเค็มก่อนแล้วราดน้ำจืดตามเพียงขันเดียว
ช่วยกันใช้น้ำอย่างเห็นค่า แล้วคิดถึงใบหน้าเพื่อนพี่น้องที่ไม่มีน้ำใช้กันด้วยนะคะ
วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
วันเดียวเที่ยวเกาะเกร็ด
เจอเหตุการณ์คล้า่ยๆ กับคนข้างล่างที่ไปเดินสวนจตุจักร
เลยอยากเอามาแปะไว้ที่นี่
ทอดมันหน่อกะลา...เป็นของขึ้นชื่อที่เกาะเกร็ด
ถ้าพลาดกินก็คงเหมือนมาไม่ถึงเกาะเกร็ด
สองข้างทางมีร้านแผงลอยขายทอดมันหน่อกะลาเยอะมาก
เราไม่รู้หรอกว่า ร้านไหนอร่อย
ก็เลยเลือกซื้อจากประเภทของภาชนะ
ร้านค้าส่วนใหญ่ใช้ถ้วยโฟม
ต้องอดทนหาจนเจอร้านที่ใช้กระทงใบตองถึงได้ชิม
จริงๆ แล้วใช้กระทงใบตองน่าจะประหยัดเงินมากกว่า
แต่ก็นั่นแหละ พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่เลือกความสะดวกรวดเร็ว
ประหยัดเวลาก็เท่ากับการลดต้นทุนของเขาด้วย...มั้ง
เลยพากันเมินภาชนะที่ต้องมาเสียเวลานั่งตัดนั่งเย็บ
ขยะโฟมจึงล้นเกาะเกร็ด (และย่านที่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน) ด้วยประการฉะนี้
ปล. ไม่มีภาพขยะถ้วยโฟมและกระทงใบตองมาให้ดู
แต่ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงทุกประการ :)
วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551
วันหนึ่งที่ตลาดนัดจตุจักร
นี่เป็นถังขยะหนึ่งใบเต็มไปด้วยโฟม โฟม และโฟม ที่นั่นมีหลายร้อยใบได้มั้ง เฉพาะจุดนี้ก็สี่ห้าใบไปแล้ว
ส่วนอันนี้คือพลาสติกทั้งหลาย
สุดท้ายก็ตัดสินใจกินอันนี้ ทั้งที่ไม่อยากกินเท่าไหร่ แต่ว่าอยากกินอาหารอะไรสักอย่าง(งงไหม)
โอเค แม้จะมาในกะลามะพร้าวสุดฮิป แต่ว่าไอติมกะทิลูกละ 25 บาทก็แพงอยู่ทีเดียว
และยังไงก็ตาม มันก็มีช้อนพลาสติกมาอยู่ดี
อ้อ! แถมน้ำมะพร้าวในแก้วพลาสติกด้วย
เอ สรุปแล้ว
กินไอติมดีกว่ากินไส้กรอก ลูกชิ้น กุยช่าย หรือเปล่านะเนี่ย
วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2551
walking culture
เดิน จากออฟฟิศไปปากซอย
เดิน จากบ้านไปรถใต้ดิน
เดิน จากสามย่านไปสยาม
เดิน จากสยามไปชิดลม
เดินจากชั้นหนึ่ง ไปชั้นสาม
เดิน แล้วได้เจออะไรตามทาง
เดิน แล้วได้ออกกำลัง
เดิน แล้วได้ช่วยบอกทางนักท่องเที่ยว
เดิน แล้วได้ใจเย็นๆ
เดิน แล้วลดโลกร้อน
เดิน ประหยัดน้ำมัน
เดิน ประหยัดกระตังค์
เดิน กันเต๊อะ
วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2551
ของเสียเหลือศูนย์
๑. อาหาร ขนม ที่มี ซอง กล่อง หรือบรรจุภัณฑ์พลาสติกต่างๆ เมื่อรับประทานเสร็จแล้ว เราจะนำบรรจุภัณฑ์เหล่านั้นไปล้างในครัวและใช้สกอตไบท์ขัดถูคราบให้เรียบร้อย
๒. เมื่อสะอาดแล้วเราก็หนีบด้วยไม้หนีบตามถังแยกที่เตรียมไว้ เช่น ถังสำหรับ พลาสติก วัสดุผสม กระดาษ เป็นต้น
๓.เมื่อถังเริ่มล้น ...
เราก็จัดการขนถังเหล่านั้นไปส่งที่โรงแยกขยะในโรงเรียนของเรา
เราก็เทลงในถังย่อยสลายง่าย ที่เตรียมไว้นอกบ้าน ...เทน้ำหมักชีวภาพเพื่อลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และกองทับด้วยใบไม้(มักมีหอยทากหรือสัตว์อื่นๆ มากินอาหารที่นี่บ่อยๆ :) )
เขียนโดย
เยี่ยมชม โครงการของเสียเหลือศูนย์ โรงเรียนรุ่งอรุณได้ที่นี่ค่ะ
http://ra.zerowaste.googlepages.com/milestone
วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2551
ยากิโซบะ
พอไปถึงร้าน เอ่อ... เค้าใส่กล่องโฟมง่า วงเล็บนอกจากจะผิดกฏเหล็กแล้ว กล่องโฟมเมื่อใส่อาหารร้อนๆยังทำให้เกิดสารก่อมะเร็งติดมากับอาหารอีกโด้ยเด้อ
เรา -- เอ่อ มีอย่างอื่นใส่แทนกล่องโฟมมั้นคะ
คนขาย -- ไม่มีอ่ะค่ะ
เรา -- เอ่อ เอาไงดีฟ่ะ ไม่ได้กินเองซะด้วย
คนขาย -- แต่เราห่อฟอยล์ก่อนใส่กล่องโฟมนะคะ ไม่อันตราย
เรา -- งั้นเอาสองห่อยัดในกล่องเดียวกันได้เปล่าคะ
คนขาย -- เอ่อ จะลองพยายามนะคะ มันอาจจะเละได้
...ยืนดูเค้าห่อฟอยล์ซะแน่นหนา
เรา -- โทดนะคะ ห่อแบบนี้ ไม่ต้องใส่กล่องแล้วหล่ะค่ะ
คนขาย -- ได้ค่ะได้ (คงคิดในใจว่า ยอมๆมันไปเหอะ อารายนักหนาฟ่ะ)
....ในที่สุดก็ไม่ต้องพึ่งกล่องโฟม ฟิ้ว...
วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2551
ลองเปลี่ยนพฤติกรรมอันเคยชิน
ไอ้โรคอาบน้ำอุ่นแล้วเปิดแอร์แต่นอนห่มผ้าหนาๆ
เมื่อนานมาแล้วเราก็เป็นคนหนึ่งที่นอนห้องแอร์ทุกคืน แล้วก็เคยคิดว่าคงนอนไม่หลับถ้าไม่มีแอร์ คงร้อนตายแน่
แต่รู้ไหมคะ ร่างกายคนเราแสนฉลาด มันสามารถค่อยๆปรับตัวไปตามสภาพที่มันเป็นอยู่ ยกตัวอย่างเช่น คนฟินแลนด์มาอยู่ประเทศไทยได้ซัก 3 เดือน เค้าจะชินกับอากาศแบบบ้านเราและอาจจะบ่นว่าหนาวถ้าไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยซ้ำ
ปัจจุบันนี้ เรานอนไม่เปิดแอร์ และไม่อาบน้ำอุ่นมา ประมาณสี่ ถึงห้าปีแล้วค่ะ ร่างกายเราจะค่อยๆปรับได้จริงๆนั่นแหละ
อีกอย่างทุกวันนี้คนทำงานอย่างเราๆ ก็ต้องนั่งในห้องแอร์ตอนกลางวันไม่ต่ำกว่าวันละ 6 ชั่วโมงแล้ว
หากบ้านใครอยู่ชานเมือง ลองเปิดหน้าต่างซักหน่อยแล้วเปิดพัดลมเบาๆดูซิคะ
มารักษาโรคอาบน้ำอุ่นแล้วเปิดแอร์แต่นอนห่มผ้าหนาๆ กันนะคะ
วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2551
แค่เราเปลี่ยนโลกก็(น่า)จะเปลี่ยน
วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2551
เพลงของคนสวน
Wall-E OST
Did you think that your feet had been bound
By what gravity brings to the ground?
Did you feel you were tricked
By the future you picked?
Well, come on down
All those rules don’t apply
When you’re high in the sky
So, come on down
Come on down
We’re coming down to the ground
There’s no better place to go
We’ve got snow up on the mountains
We’ve got rivers down below
We’re coming down to the ground
We hear the birds sing in the trees
And the land will be looked after
We send the seeds out in the breeze
Did you think you’d escaped from routine
By changing the script and the scene?
Despite all you made of it
You’re always afraid
Of the change
You’ve got a lot on your chest
Well, you can come as my guest
So come on down
Come on down
We’re coming down to the ground
There’s no better place to go
We’ve got snow up on the mountains
We’ve got rivers down below
We’re coming down to the ground
We hear the birds sing in the trees
And the land will be looked after
We send the seeds out in the breeze
Like the fish in the ocean
We felt at home in the sea
We learned to live off the good land
Learned to climb up a tree
Then we got up on two legs
But we wanted to fly
When we messed up our homeland
We set sail for the sky
We’re coming down to the ground
There’s no better place to go
We’ve got snow up on the mountains
We’ve got rivers down below
We’re coming down to the ground
We hear the birds sing in the trees
And the land will be looked after
We send the seeds out in the breeze
We’re coming down
Coming down to Earth
Like babies at birth
Coming down to Earth
We’re gonna find new priorities
These are extraordinary qualities
We’re coming down to the ground
There’s no better place to go
We’ve got snow up on the mountains
We’ve got rivers down below
We’re coming down to the ground
We hear the birds sing in the trees
And the land will be looked after
We send the seeds out in the breeze
We’re coming down to the ground
There’s no better place to go
We’ve got snow up on the mountains
We’ve got rivers down below
We’re coming down to the ground
We hear the birds sing in the trees
And the land will be looked after
We send the seeds out in the breeze
We’re gonna find new priorities
These are extraordinary qualities
วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2551
global warming rug by NEL collective for nanimarquina
'global warming rug' designed by NEL, produced by nanimarquina
'global warming rug' designed by NEL, produced by nanimarquina - (hand tufted , 100% wool New zealand + felt bear)
ไม่รู้ว่าคนบริโภคจะสามารถคำนึงวิกฤตได้ขนาดไหน
ขนาดว่ารูปถ่ายสินค้า ยังเป็นเด็กที่มั่วแต่นั่งเล่นคอม โดยไม่สนใจโลกอยู่เลย
แถมใช้ขนหมีอีกตะหาก..เยี่ยมมม
วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
Kill Bills (little) Project
วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
www.blackle.com
วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
กลับสู่วัยใส ใช้ผ้าเช็ดหน้ากันเถอค่ะ
ตอนนี้เลยว่าจะกลับมาพกผ้าเช็ดหน้าเป็นสาวกุ๊กกิ๊กอีกครั้ง คงทำให้เราลดการต้องพึ่งพากระดาษทิชชูไปเยอะเลย ลองทำด้วยกันนะคะ ผู้ชายอาจจะพกผ้าลายแมนๆ อย่ากลัวเชยค่ะ ดูเท่มาดนุ่มดีออกนะคะ :)
วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
ช่วยกันลดการเพิ่มของบนกองขยะ
วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2551
อย่าลืมถอดปลั๊กก้า
พวกเราต่างก็มีที่ชาร์จกะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องใช้เรื่อยๆกันอยู่มากมาย จะให้ถอดหมดทุกครั้งก็เหนื่อยไม่หยอก ขอแนะนำให้ใช้พวกที่พ่วงปลั๊ก 3 ตาแล้วที่มีสวิตช์ แล้วก็ใช้วิธีปิดสวิตช์เอา ปอยก็กำลังทำอยู่ก้าาา
วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2551
Money, greed and the destruction of Nature web of life
(ขอตั้งชื่อเล่นว่า "เงิน ความโลภ และการก่อสร้าง ที่กำลังกัดกร่อนสายใยชีวิตของเรา")
"โดน" ก็ตรงที่ทุกวันนี้เราคิดกันถึงแต่ เงิน, เงิน, แล้วก็เงิน กันซะเกินงาม
ที่สำคัญ พื้นฐานของความคิดเหล่านั้นมาจากความโลภที่เกินพอดีด้วยน่ะสิ
ไม่อยากให้มองกันในแง่ร้าย
แต่จะชวนคิดต่อว่า แล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อไปดีนะ
อืมมม...ขวดน้ำพลาสติก
Bottled water costs 7,000 times more than the same water that comes from a faucet. Drink tap.
Every year, 38 billion water bottles end up buried in the earth. Drink tap.
อันนี้เป็นของที่ New York ค่า เค้าชักชวนให้ทุกคนมาดื่มน้ำก็อก(เพราะเค้ากินได้นิ)แทนน้ำขวด เพราะว่าน้ำขวดมันมีผลต่อสิ่งแวดล้อมที่มากมายกว่ามาก สำหรับเราๆชาวไทยคงไปกินน้ำก็อกกันคงไม่ดีแน่ แต่ก็เป็นวิธีชักชวนให้พวกเราใช้น้ำขวดพลาสติกกันให้น้อยลง หรือหันกันมาพกขวดน้ำ/กระติกส่วนตัวกันให้มากขึ้นเน่อ (เราก็กำลังจะหามาครอบครองเหมือนกันนิ)
วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2551
เรื่องของสะดือ
ข่าวด่วน
วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551
“2,663 bags”
บริษัทออกแบบ MSLK ได้ทำการขอถุงที่ไม่ใช้แล้วจำนวน 2,663 ใบมาจัดเป็นงาน installation art รูปแบบต่างๆ
คงเป็นภาพ และ ตัวเลข ที่ ไม่ต้องการคำอธิบายอะไรอีกแล้ว ว่าเราจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องลดการใช้ถุงพลาสติกใหม่ อย่างเร็วด่วน
วันนี้และเดี๋ยวนี้
http://mslk.com/reactions/?p=709
วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2551
สาวออฟฟิศหน้ามันส์
สาวๆออฟฟิศคนไหนหน้ามันแพลบจนต้องพึ่งกระดาษซับมันกันบ้างคะ
กระดาษซับความมันบนหน้านั้น มีให้เราเลือกหลากหลายยี่ห้อ เดี๋ยวนี้ที่ฮิตกันก็คือชนิดฟิลม์ใช่มั้ยค่ะ
ถึงจะเป็นของใช้จุกจิกเล็กๆน้อยๆแบบนี้ แต่ว่าเราใช้ทุกวัน วันละ 2-3 แผ่น ก็เกิดเป็นขยะพลาสติกย่อยสลายยากเหมือนกันน่ะค่ะ
เรากลับมาใช้กระดาษซับมันชนิดกระดาษกันเถอะค่ะ
วันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551
green office
ค่อยเริ่มคะ
แล้วคนรอบตัวก็จะหลวมตัวเออ ออ ห่อ หมก ไปด้วย ฮ่าๆ
- เวลาอากาศไม่ร้อนมาก ก็ปิดแอร์ไปซักตัว หรือ หรี่แอร์ให้พอดีๆ และปิดแอร์ตอนพักไปทานข้าว
- ใช้ผ้าเช็ดมือที่อ่างล้างมือแทนกระดาษทิชชู
- ไม่ซื้ออาหารใส่กล่องโฟมมากินในออฟฟิศ
- เวลาเดินออกไปซื้อขนมที่มินิมาร์ท ก็เอาถุงไปด้วยคะ ว่างๆเบื่อก็พับถุงแจกเพื่อนที่ทำงาน ให้เค้าเห็นว่าไอ่นี่เอาจริงเว้ย เอากะมันหน่อย ^^
- เวลาซื้อผลไม้รถเข็น ก็เอาจานออกไปใส่เลย แทนที่จะใส่ถุงพลาสติก
- เปิดไฟแต่พอดีนะคะ ปิดไฟตอนไม่อยู่ออฟฟิศด้วยค่ะ
- พริ้นท์งานแต่ที่จำเป็น ทำบ่อยๆ เพื่อนร่วมงานจะรู้และไม่พริ้นท์มาให้เราอีก แต่ส่งเมลล์มาแทน
วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551
building a straw bale house
designboom book report: building a straw bale house --- author: nathaniel corum, foreword by dr. jane goodall publisher: princeton architectural press year: 2005 size: 180 pages, 20.8 x 15.5 cm ISBN: 1568985142 ___________________________________________________________________________________ designboom rating: ___________________________________________________________________________________ we often 'oooh' and 'aaah' over the most elaborate structures which were designed by the most famous of architects and were expensive to build, but sometimes the simplest pieces of architecture have the most long lasting impression. content founded in 1994, the red feather development group is a volunteer-based organization that has beenworking to help plague the housing problems that the american indians have been facing. with the help of a strong community of members, the group has been able to provide the community with a house solution through the construction of straw bale homes. the choice of the straw bales may seem simple, but this inexpensive material provides good insulation, is incredibly lightweight and easy to handle, requires minimum tools for building and above all, is ecologically sustainable. since the first houses were erected, the popularity of straw bale architecture has increased, with the red feather development group's methodology and construction techniques resulting in an architectural phenomenon. 'building a straw bale house' is truly a handbook, providing the reader with detailed step-by-step instructions, material and tool lists, and everything else you need to know to get started. it opens with the site work and foundations of building a straw bale structure and follows through to the finishing touches, like interior wall texture and color choices. but, beyond all of the 'how to' technical work and safety guides that are outlined, the book itself is an inspirational story which has had a huge impact ecologically, socially and culturally, empowering the reservation communities. the images of prototypes, accompanied by over 35 case studies covering a range of red feather development group projects could very well change the way you see the future of architecture. is it for me? sure, this handbook may sound technical, but with the easy to follow instructions, along with images to help guide you, by the end, you too will have the knowledge on how to build your very own straw bale house. more information: red feather development group: http://www.redfeather.orgprinceton architectural press: http://www.papress.com |
วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2551
running the number
เป็นงานศิลปะ ลองไปดู(เว็บ)กันได้ที่นี่
Running the Number
เผื่อเอามาใช้เป็นเครื่องมือ หรือไอเดียทำเครื่องมือรณรงค์ต่างๆได้เด้อครับเด้อ
วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2551
ธรรมชาติไม่รู้จักสิ่งปฏิกูล
"ผึ้งบินจากดอกไม้ดอกหนึ่งไปอีกดอกหนึ่ง เอาไปเพียงแค่น้ำหวานจากที่โน่นนิดที่นี่หน่อยและไม่ทำอันตรายแก่ดอกไม้ ช่างนุ่มนวลและอดกลั้นเหลือเกิน ไม่เคยเลยที่ดอกไม้จะบ่นว่า ผึ้งมาขโมยน้ำหวานไปจากเรา เหมือนกับว่า ผึ้งรู้ว่ามันไม่อาจอยู่ได้โดยปราศจากดอกไม้และดอกไม้รู้ว่ามันไม่อาจอยู่ได้โดยปราศจากผึ้ง แต่มนุษย์เราทำอะไร เมื่อเราเริ่มตักตวงผลประโยชน์จากผืนดิน เราไม่รู้ขีดจำกัด เราเอาแต่ได้ไปเรื่อยๆ จนผืนดินถูกทำลาย
ผึ้งทำอะไรกับน้ำหวาน มันเปลี่ยนน้ำหวานเป็นน้ำผึ้งอันแสนหวาน อร่อย และรักษาโรคได้ ขณะเดียวกันก็ผสมเกสรดอกไม้ มีมนุษย์สักกี่คนที่ทำได้เช่นนี้ เมื่อมนุษย์เราเอาของขวัญจากธรรมชาติ เราก่อสิ่งปฏิกูลและความเสียหาย เพียงแต่เราเรียนรู้จากธรรมชาติ เราก็จะเอาจากผืนดินได้โดยไม่ล่วงละเมิด และสิ่งที่เราเอาไป เราก็จะเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เหมือนกับน้ำผึ้ง และนำมันกลับไปเหมือนใบไม้กลับสู่ผืนดิน ธรรมชาติไม่รู้จักสิ่งปฏิกูล"
แม่ของสาทิศ กุมารกล่าว
จากหนังสือ มีเธอจึงมีฉัน คำประกาศแห่งการพึ่งพา
วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551
the gardening's diary
หน้าตาเหมือนขนมโอท๊อปไหม?
หลังจากนั่งพับมาพักใหญ่ก็พบว่ายิ่งลึก ใต้ที่ล้างจานยิ่งดูน่าแหยะมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นอึแมงสาป คราบเหนียวเหน๊อะจากน้ำยาล้างจานหก เศษปูนที่คนงานก่อสร้างเก็บไม่เนี๊ยบ ก่อร่างสร้างรอยดำเขรอะเต็มพื้น กว่าจะถูเสร็จให้กลายเป็นปกติก็เหงื่อตกถุงพลาสติกที่อยู่ข้างล่างนั้นก็เหน๊อะๆ ดำๆไปด้วยจึงจัดแจงล้างและตาก เตรียมตัวเป็นถุงขยะในขั้นต่อไป
พับและเก็บให้เรี่ยมเร้เรไร
พับเก็บเสร็จข่อยก็หมดแฮง แต่รู้สึกภูมใจเหลือคณา เพราะสามารถจัดบ้านพร้อมรักษาถุงได้อีกหลายๆ ใบ แต่อย่างไรก็ตามข้าพเจ้ายังเหลือถุงจำนวนหนึ่งที่พับบ่ไหวแล้วเก็บไว้จัดการต่อ - -
พอทำเสร็จอวดแม่ แม่ทำหน้า เหย้ย!! มันทำขนาดนั้นเชียวเหรอ แล้วบอกว่าไม่ต้องเสียเวลาขนาดนั้นก็ได้ลูก แต่ถ้าไม่ทำงี้ชาวประชาจะรู้ได้ไงว่าต้องดูแลถุงพลาสติกในบ้าน และความสะอาดในที่หมกหมม ไม่ให้แมงมาทำรังในบ้านได้ และต่อไปนี้ห้ามใครทำที่เก็บถุงรกเด็ดขาด ไม่งั้นตายยยย
พอทำเสร็จ ก็เล่นเนตลัลลา กินข้าวต้ม หง่ำๆ
แต่แล้วท่านพี่ก็ชวนกึ่งบังคับไปงาน commart ไปซื้อของ
เอ้า ไปก็ไป!!!
ท่านพี่ได้โน๊ตบุ๊คใหม่ ไฉไลมากๆ ฮ่าๆ ดีใจเหมือนมีคอมใหม่เอง
ส่วนเราที่เล็งอยากได้กล้องมานานก็เลยไปเล็งกล้องในงานอยู่นานมาก
สุดท้ายไปลงเอยที่ Panasonic แถมมือถืออาโนแนะมาชิโมโร่และอื่นๆ อีกมากมาย
เห็นราคามันก็โอ ของแถมตรึม ก็เลยซื้อไป กลับมาเช็คราคาในเนตก็พบว่า มันก็ถูกอ่ะนะ แต่มันสามารถถูกได้อีก ถ้าไม่มีของแถมอีกมากมาย ซึ่งแสนจะล่อตาล่อใจให้เราซื้อ
การซื้อของแบบนี้ พาลทำให้ซื้อของมาซ้ำซาก เช่น มือถือมาชิ ที่เดิมเราก็มีมือถืออยู่แล้ว สิ่งเหล่านี้สร้างขยะทางเทคโนโลยีในอนาคต และการบริโภคเกินความจำเป็น
รู้สึกแย่นิดหน่อย แต่จะพยายามใช้ของที่ได้มาอย่างคุ้มค่าที่สุด และซื้อของแบบมีสติกว่านี้น่ะ
ปล. พบว่าหีบห่อของเครื่องใช้เทคโนโลยีเนี่ย มันเต็มไปด้วยถุงพลาสติก กล่องกระดาษ กล่องพลาสติก หลายห่อในหลายห่อจริงๆ ไม่รู้ว่าเหตุผลเพื่อความแข็งแรงหรือว่าเหมาะสมก็ไม่รู้ได้ ดูแล้ว หีบห่อพวกนี้ก็ดูกลับมาใช้ลำบากหน่อย แต่ต้องลองพยายามดู
พอซื้อกล้อง ซื้อคอมเสร็จ เรากับพี่ก็หมดแรงเลยเรียกแท็กซี่กลับบ้าน เปลืองน้ำมันไปหลายแหมะ
เป็นวันอันยาวนาน ที่ทั้งเขียว ไม่เขียว แถมยังไม่ปั่นงานเลยแม้แต่น้อย โอ้วแย่แล้ว!
ปล.สอง วันนี้สร้างขยะอีกสองชิ้น 1 ถุงพลาสติกห่อแซนวิชของเซเว่น 2 ถุงถั่ว
14 มิถุนายน
ตื่นมานั่งถอดเทปทำงาน
เที่ยงกินข้าว
บ่ายไปรวมตัวกับแก็งทำอาร์ตเวริคหนังสือ
เปิดคอมกันกระหน่ำซัมเมอร์เซวหกตัว เราออกแนวเล่นเนตไร้สาระซะเยอะ
กินหนมหวานไปสองถุง แถมกินไม่หมดอีกตะหาก
เดินไปกินกระท้อน แม่ค้าก็ใส่ถุงร้อนเตรียมให้แล้ว อดเขียวเลย
กินถั่วต้มใส้กล่องข้าวประจำกาย และพบว่าถั่วต้มเป็นของกินเล่นชั้นดีได้ เพราะนอกจากไม่สร้างขยะ ยังกลายเป็นปุ๋ยได้ง่ายได้
ดึกขึ้นรถเมล์กลับบ้าน
สรุปใช้ถุงร้อนไป 3 ถุงหนมบ้านนผุย 1 ประหยัดถุงไป 1
15 มิถุนา
ตื่นมาบิดขี้เกียจหลายรอบ และอยากเปิดคอมอยู่หลายรอบ แต่เด๋วก็ลงไปช่วยงานแม่แล้ว เลยตัดสินใจไม่เปิด ประหยัดไฟไปอีกหน่อย
บ่ายนั่งเล่นเนตเห่อคอมใหม่อย่างมาก ทำงาน อู้นอน
เย็นไปว่ายน้ำ
ซื้อของ เอาถุงพลาสติกไปช็อปของกิน ก่ะหาซื้อกระติกน้ำประจำกาย แต่เดอะมอลไม่มีอันที่เวริกๆ พี่เลยยกกระติกให้เฮาหนึ่งอัน
ขอบคุณท่านพี่มากมาย แม้เจ๊จะยังรับถุงพลาสติกอยู่ก็ตาม แต่น่ารักเสมอ
แต่ใช้ๆ ไปก็พบว่าน้ำมันชอบไหลซึมอยู่เสมอ สงสัยไงก็ต้องซื้อใหม่ ฮือ
ไปซื้องาดำเพื่อเอาไว้คลุกข้าวกินยามอยากมังสวิรัติ เดิมมาเป็นแพคถุง เอามาใส่กล่องมะขามเคี้ยวหนึบขนมที่รัก รียูสๆ
ตกดึกกินสลัด เดอะพิซซ่า ของน่าจะอิมพอร์ต แต่อยากกินอ่ะ เลยกิน
แล้วก็กลับบ้าน
ปล. ตอนแรกหาซื้อยาสระผมแบบรีฟิล เผื่อจะได้ไม่ต้องซื้อขวดใหม่แล้วทิ้งตลอดเวลา แถมประหยัดตังค์ด้วย แต่หาไม่ได้อ่ะ สงสัยไม่มีผลิต
16 มิถุนายน
วันนี้ไม่ได้ไปไหน
นั่งๆ นอนๆ ทำงานบ้าน ปั่นงานอยู่หน้าคอม
ประหยัดอะไรบ้าง?
ไฟ เปิดไฟดวงเดียว ปกติสอง
พัดลม หันมาใช้พัดลมยืนหนึ่งตัว
น้ำ ก็ซักผ้ามือแล้วค่อยเครื่องเหมียนเดิม
กิน กินเก่งเหมือนเดิม ฮ่าๆๆ
คอม ใช้อึดเหมือนเดิม
จบข่าว
17 มิถุนายน
วันที่เจ็ดแล้วจ๊ะ เผลอแปร็บเดียว
วันนี้เช้าก็ชิวๆ บ่ายไปหาของกินกับท่านพี่แต่เราดันลืมเอากล่องข้าวไปเสียนี้เลยใช้ถุงร้อนไป 3 ใบ
กินอาหารมังจ๊ะ ฮิฮิ
บ่ายนั่งอ่านการ์ตูนที่เช่า ไม่ได้ซื้อ
ฝนตกหนักมากๆ กว่าจะได้ออกจากบ้านเพื่อไปนัดก็ล่วงหน้าแค่ชั่วโมงเดียว
กลับบ้านด้วยรถน้องปอย สบายมั่กๆ
สรุป
- เราว่าคนที่ช่วยลดโลกร้อน เป็นซับเซดหนึ่งของคนงก และเรางกอยู่แล้ว พอจดว่าช่วยลดโลกร้อนอะไรบ้างก็เยอะเหมือนกันนะ ฮ่าๆ
- การจะชวนคนที่ไม่สนใจเรื่องแบบนี้ อย่างท่านพี่ ท่านแม่ หรือพนักงานที่บ้าน เป็นเรื่องที่ยากส์มากๆ จะทำอย่างไรให้เปลี่ยนได้ ต้องลองดูในระยะยาว
- การทำอะไรอย่างนี้ทำให้บ้านสะอาดขึ้น แต่มืดขึ้น (เพราะปิดไฟ)
- ทำอะไรที่ต้องมีความสามารถ มีเทคนิค อย่างเปลี่ยนหลอดไฟเบอร์ห้า เป็นเรื่องที่ยากส์ไปนิดสำหรับเรา ทำไม่เป็นเว้ย
- การลองแบบนี้ทำให้คิดมากขึ้นเวลาจะซื้ออะไรกิน
- พบว่าของกินเล่นที่แจ๋วสุดๆ คือ ถั่วต้ม ไอเลิฟๆ
- เวลาทวนศีลข้อที่ 1 พบว่าการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมกับข้อ 1 เกี่ยวโยงกันมั่กๆ
- ที่ยังทำไม่ค่อยได้คือ รู้สึกเปิดคอมนานไป และไม่ค่อยจำเป็น แต่ติดอ่ะ
- จะพยายามทำงี้ต่อไป ถ้าเจออะไรแจ๋วๆ จะมาเล่าให้ฟังอีกนะจ๊ะ