วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

การพกขวดน้ำมันดียังงี้นี่เอง


เป็นเวลานานมาแล้วที่เราเองเหมือนเป็นอัตโนมัติ จะนับและจำว่าในแต่ละวันอันเร่งรีบที่แสนธรรมดาของเราในกทม.นั้น ตัวเองสร้างขยะย่อยสลายยากอย่างพลาสติกขึ้นมากี่ชิ้น แต่ด้วยความรู้สึกชิวบ้าง ขี้เกียจบ้าง ก็จะแก้ตัวให้ตัวเองว่าก็หิวน้ำนี่ ก็อยากกินอ่ะ ....แต่นับวันๆยิ่งรู้สึกไม่ดี และบอกตัวเองว่าไม่เอาแล้ว เราต้องเปลี่ยน
ยกตัวอย่างค่ะ
.....เดินออกจากซอยถึงปากซอยเริ่มหิวน้ำ ซื้อชาเขียวหนึ่งขวด สิบนาทีผ่านไป ขวดชาเขียวก็นอนแอ้งแม้งอยู้ในถังขยะ พอพักกลางวัน กินก๋วยเตี๋ยวที่ร้าน สั่งน้ำเปล่ามาอีกขวด สิบห้านาทีผ่านไปขวดน้ำก็กลายเป็นขยะชิ้นที่สอง ตอนเย็นขึ้นรถไฟฟ้าอีก หิวน้ำอีกขออีกซักขวดแล้วกัน...
"เดี๋ยวนี้น้ำเปล่าๆ เค้าขายกันขวดละสิบบาท กินน้ำ 3 ขวด เท่ากับ 30 บาท จ่ายไปชิวๆ เดือนละ 900 บาท ฮ่า ไม่ใช่โปรโมชั่นมือถือน่ะค่ะ"
บางคนอาจบอกว่าพกน้ำมันหนัก แล้วก็กลัวหกในกระเป๋า.....
ขอแนะนำค่ะ ขวดน้ำรุ่นนี้ หาซื้อได้ที่แผนกเครื่องครัวตามห้างทั่วไป เนื่องจากมีฝาสองชั้น ไม่หกชัวร์ (ใช้อยู่ค่า) แล้วก็สามารถเลือกรุ่นที่บรรจุแค่ 350ml จะได้ไม่หนักค่ะ
ข้อดีได้เป็นผลพลอยได้คือ นอกจากประหยัดขวดพลาสติก บางทียังช่วยประหยัดการใช้แก้วกระดาษชนิดใช้แล้วทิ้งตามสถานที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงาน โรงพยาบาล สนามบิน ก็หยิบขวดขึ้นมาเติมน้ำไงค่ะ
ด้วยวิธีนี้ ตั้งแต่ข้าพเจ้าใช้ขวดน้ำมา (ถึงจะไม่นานเท่าไหร่) แต่ก็บอกได้เลยว่าลดการสร้างขยะพลาสติกและกระดาษไปไม่น้อยเลยค่ะ ให้ความรู้สึกเท่ไงไม่รู้แฮะ ^^

3 ความคิดเห็น:

Aor Sutthiprapha กล่าวว่า...

เพิ่งพกมาได้สองวัน ขวดสีส้มปรี๊ดดด
หิวน้ำเมื่อไร หยิบออกจากกระเป๋าทันใจ
ตังค์ไม่ต้องจ่ายสักกะแดง
เพราะเติมเต็มมาจากบ้านจ้าาาา

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

วันนี้ได้พกขวดน้ำสีเขียวของตัวเองในวันที่อยู่ในประเทศไทย รู้สึกยืดจริงๆด้วย เวลาอยู่ต่างประเทศใช้ขวดน้ำของเราเองก็ธรรมดา ใครใครก็ทำกัน

ขอบคุณน้องจักร ที่ทำให้รู้สึกดีกับความคิดที่ว่า ความสุขของชีวิตนั้นไม่ต้องซื้อ ความสุขของเราคือการช่วยผู้อื่น รวมไปถึงการช่วยโลก เพราะเราเป็นดั่งกันและกัน

goldfish กล่าวว่า...

:) สนุกจังเวลามีบล็อคที่ไม่ใช่ของเราคนเดียว เฮฮาปาร์ตี้ เฮ้า ชนขวดน้ำกันค่า